อ่วม เณรแอ จอมขมังเวท ปลุกเสก กุมารทอง-ทำน้ำมันพราย
เป็นที่ฮือฮาตื่นตะลึงไปทั่ว หลังจากตำรวจ กก.ดส.บช.น. นำโดย
พ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผกก.ดส.บช.น. บุกจับกุม นายโจว ฮอง ฮุน อายุ 28 ปี
ชาวจีนไต้หวัน ในห้องพักโรงแรมย่านเยาวราช
พร้อมของกลางซากทารกที่ถูกย่างแห้งเกรียม ทำเป็น กุมารทอง
6 ร่าง ลงอักขระอาคมเป็นภาษาขอมโบราณทั่วร่างกายและมีการมัดสายสิญจน์
บรรจุอยู่ในกระเป๋าเดินทาง เตรียมนำออกไปขายให้กับชาวจีน ฮ่องกง และไต้หวัน
ที่หลงใหลไสยศาสตร์
และมีความเชื่อว่าเป็นสิริมงคล
หากนำไปบูชาจะบันดาลให้กิจการเจริญรุ่งเรือง
โดยราคาบูชา จะเริ่มต้นที่ 1.5
แสนบาทขึ้นไป แล้วแต่ความสมบูรณ์ของร่าง
ถือเป็นผลงานชิ้นโบแดงของตำรวจไทย เพราะเชื่อได้ว่าเป็นครั้งแรกของโลก ที่จับกุมการซื้อขายซากทารกของจริง ที่ถูกทำเป็นกุมารทอง
แถมยังเป็นการซื้อข้ามชาติผ่านเว็บไซต์ เนื่องจากผู้ต้องหา
จัดเป็นหมอไสยศาสตร์ฝีมือดีคนหนึ่งในเอเชียตะวันออก
และมีเว็บไซต์ส่วนตัวเผยแพร่รูปการทำคุณไสยหรือดูดวงชะตา จนมีคนสนใจมากมาย
จากคดีที่เพิ่งเกิดขึ้นในยุคนี้ ทำให้ย้อนนึกถึงคดีเฉกเช่นเดียวกัน
ที่เกิดขึ้นเมื่อกว่า 17 ปีที่แล้ว กับคดีโด่งดังในอดีตการจับกุม “เณรแอ”
หรือนายหาญ รักษาจิตร์ เจ้าของฉายา จอมขมังเวท
โด่งดังตั้งแต่ยังเป็นสามเณรอยู่วัดแห่งหนึ่ง จ.สระบุรี
เนื่องจากใช้ใต้ถุนเมรุวัด นำซากศพเด็กทารกวัย 9 เดือน
มาย่างไฟทำพิธีปลุกเสกกุมารทอง
พร้อมสกัดเอาน้ำมันพราย ก่อนให้ประชาชนมาเช่าไปบูชา
หนำซ้ำมีการบันทึกถ่ายทำขั้นตอนต่าง ๆ เป็นวิดีโอ
สุดท้ายพลเมืองดีได้ชมเทปแล้วทนกับพฤติกรรมไม่ไหว
จึงแจ้งกรมการศาสนาเข้าตรวจสอบ นำไปสู่การจับสึกและนำตัวดำเนินคดี
“เปิดแฟ้มคดีเก่า” จันทร์นี้
จึงขออนุญาตหยิบยกเรื่องราวดังกล่าวมานำเสนอ ย้อนไปเมื่อช่วงเดือน ก.ค.
2538 “เณรแอ” แม้ว่าอายุจะถึงวัยต้องอุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้ว
แต่ก็ไม่ยอมอุปสมบทเป็นพระภิกษุ กลับใช้ไสยศาสตร์มนต์ดำ
ที่ได้ร่ำเรียนมาจากอาจารย์เขมร จนวิชาอาคมแก่กล้า เปิดทำเสน่ห์ยาแฝด
การสะเดาะเคราะห์ และปลุกเสกเครื่องของขลัง จนมีชื่อเสียงโด่งดัง ลูกศิษย์ลูกหาเดินทางไปให้ทำพิธีแต่ละวันจำนวนมาก
กระทั่งมีการลักลอบใช้ใต้ถุนเมรุวัด ทำพิธีปลุกเสกกุมารทอง
โดยนำเอาศพเด็กทารกวัย 9 เดือน ที่ได้จากการคลอดออกมาแล้วเด็กเสียชีวิต
และญาติโยมนำมาให้ฌาปนกิจ กลับนำมาย่างตะแกรงไฟ โดยมีลูกศิษย์อีก 3
คนเป็นลูกมือ เพื่อปลุกเสกกุมารทอง
และสกัดเอาน้ำมันพราย ให้คนมาเช่าไปบูชา โดยมีการอวดอ้างตัวเป็นผู้วิเศษ
จัดพิธีกรรมจำพวก ’เดรัจฉานวิชา” ทั้งที่ยังครองผ้าเหลือง
มีการถ่ายภาพลงตีพิมพ์เพื่อโฆษณา
และบันทึกภาพวิดีโอขั้นตอนพิธีปลุกเสกอย่างโจ๋งครึ่ม
โดยอ้างเหตุผลว่า การปลุกเสกกุมารทองนั้น
ก็เป็นไปตามความเชื่อตามวรรณคดีไทยเรื่อง “ขุนช้างขุนแผน”
ต้องใช้ศพเด็กทารกเพศชาย เมื่อนำศพเด็กทารกออกจากโลง
จำเป็นต้องตอกตะปูตรึงฝาโลงทั้งสี่ด้าน
เพื่อสะกดวิญญาณเด็กไม่ให้ตามรังควาน ก่อนเอาไปย่าง
ซึ่งต้องใช้เวลาย่างไปเสกไปถึง 9 วัน 9 คืน หากทำไม่ดีมีสิทธิถึงบ้าได้
หลังจากนั้นก็เอาไปดองไว้ในโหลโพกด้วยสีผึ้ง บางรายก็เป็นแบบแห้ง ๆ
ก่อนนำขึ้นหิ้งต่ำกว่าหิ้งพระ กราบไหว้ด้วยน้ำแดง ไข่ต้ม
ในที่สุดชาวบ้านทนไม่ได้กับพฤติกรรมไม่เกรงกลัวกฎหมายและโหดร้ายทารุณ
จึงแจ้งให้กรมการศาสนาเข้าตรวจสอบ พร้อมกับตำรวจ สภ.หนองโดน
จนนำไปสู่การจับสึก และดำเนินคดี ทำให้ “เณรแอ” และพวก
ถูกศาลตัดสินมีความผิดจริง
โดยมีหลักฐานเด็ดมัดตัวเป็นบันทึกภาพวิดีโอขั้นตอนพิธีปลุกเสก “กุมารทอง” ทำให้ติดคุกอยู่นาน 1 ปีเต็ม พร้อมห้ามเกี่ยวข้องกับพิธีไสยศาสตร์ 5 ปี
ภายหลังพ้นโทษออกมาแม้จะไม่ได้กลับมาถือครองผ้าเหลืองอีก
แต่เจ้าตัวกลับใช้บ้านพักทรงไทย เนื้อที่ 5 ไร่ ที่ อ.หนองโดน จ.สระบุรี
เป็นสถานที่ประกอบอาชีพ “หมอเสน่ห์ยาแฝด”
ให้แก่ผู้ที่ศรัทธาแต่ก็ต้องมาถูกจับกุมอีกครั้ง
เพราะภรรยาทนพฤติกรรมไม่ไหว เนื่องจากใช้ไสยศาสตร์หลอกลวงประชาชน
โดยเฉพาะหญิงสาวที่มีปัญหาครอบครัวมาหาให้ทำเสน่ห์ยาแฝด
มีบางรายถูกข่มขืนพร้อมแอบถ่ายวิดีโอไว้แบล็กเมล์
เมื่อถูกตำรวจจับกุมครั้งที่สอง นำส่งฟ้องศาล ศาลอาญาตัดสินพิพากษาจำคุก
เป็นเวลา 100 ปี คำให้การของจำเลยมีประโยชน์ จึงลดโทษให้เหลือจำคุก 75 ปี
แต่ตามกฎหมาย
เมื่อลงโทษจำคุกจำเลยทุกกระทงความผิดแล้ว จำคุกได้ไม่เกิน 20
ปีและให้ริบของกลางที่ใช้ประกอบพิธีกรรมและชดใช้เงินคืนแก่ผู้เสียหายทั้ง
33 คน (ในจำนวนนั้นมีทั้งดารานักแสดง
และผู้ที่มีชื่อเสียงในสังคมรวมอยู่ด้วย) เณรแอ ได้ทำเรื่องยื่นอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ปัจจุบัน
ก็ยังถูกคุมขังอยู่ในแดน 8 ของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร.
ผาณิต นิลนคร รายงาน
0 ความคิดเห็น